เจ้าของใจคือเธอ - เจ้าของใจคือเธอ นิยาย เจ้าของใจคือเธอ : Dek-D.com - Writer

    เจ้าของใจคือเธอ

    วงกลมดวงมืด ๆ เคลื่อนมาบดบังดวงอาทิตย์ดวงงามในยามบ่าย แสงเพียงนิดส่องให้สิ่งแวดล้อมดูสลัวราวยามใกล้พลบค่ำ...ผมชื่อ ไม้ที ครับ โชคดีเป็นบ้าเลย เรียนสายศิลป์ แต่สอบติดสถาปัตฯ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,838

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.83K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 มิ.ย. 52 / 16:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                 เจ้าของใจคือเธอ



                   วงกลมดวงมืด ๆ  เคลื่อนมาบดบังดวงอาทิตย์ดวงงามในยามบ่าย  แสงเพียงนิดส่องให้สิ่งแวดล้อมดูสลัวราวยามใกล้พลบค่ำ

      ในสวนสาธารณะที่เรียกได้ว่ากว้าง  ตรงกลางเป็นสระน้ำขนาดใหญ่  บรรยากาศแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงา  ไม้ดอกสีสวยที่ปลูกเป็นรูปเรขาคณิตต่าง ๆ    และหญ้านุ่ม ๆ  ถนนคดโค้งเป็นทางไว้จ๊อกกิ้งและถีบจักรยาน  มิหนำซ้ำยังมีสนามกีฬาให้คนแถวนี้  ได้เล่นได้ออกกำลังกายกัน

      ผมปราดมองไปทั่วบริเวณริมสระน้ำนี้  แต่วันนี้มันไม่เหมือนทุกวันที่ผมเคยมา  คนมากหน้าหลายตาพากันมายืนดูปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นนี้เต็มเลย  แต่ผมก็พยายามมองหา...หาคนคนนึงที่จากผมไป  โดยไม่คิดจะกลับมา  ภายในใจผมเริ่มท้อทุกขณะที่เท้าผมจั้มเอาจั้มเอา  สายตามองไปจนทั่ว  แต่ไร้ซึ่งวี่แวว  ผมเดินไปเกือบรอบสระน้ำแห่งนี้แล้ว  จนครบรอบ  ซึ่งในตอนนี้ผมเหนื่อยมาก  ผมหยุดพักอยู่ครู่นึง  พลันในตาก็เหลือบไปเห็น...หญิงคนนึง  ผมคิดเอาเองว่าต้องใช่แน่ ๆ  ถึงจะมองจากด้านหลังก็เถอะ  หลังจากที่ผมรู้ตัวว่ายืนยิ้มอยู่คนเดียว  และรีบเดินตรงมาหาเธอคนนั้น  (หวังลึก ๆ  ว่าต้องใช่)  ความทรงจำสีจาง ๆ  เริ่มแว๊บเข้ามาในหัวผม  เป็นฉาก เป็นฉาก



      6       

      ผมชื่อ  ไม้ที  ครับ  ตอนนี้ผมเพิ่งเข้ามหา'ลัย  ปี  1  โชคดีเป็นบ้าเลย  เรียนสายศิลป์  แต่สอบติดสถาปัตฯ  ช่วงนี้

      เป็นช่วงรับน้องครับ    ผมเลยโดนพวกรุ่นพี่แกล้งสารพัด  แต่ก็สนุกดีครับ  ได้เล่นเกมส์  ได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ  ได้ร้องเพลง  ได้เต้น  คืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายของการรับน้องแล้ว  ผมรู้สึกเสียดายยังไงก็ไม่รู้ 

      มีรุ่นพี่จากคณะอื่นมาช่วยงานนี้ด้วย  ผมก็ไม่รู้จักใครสักคนหรอก   แต่มีพี่คนนึงที่สะดุดตาผมตั้งแต่แรกเห็นตั้งแต่รับน้องวันแรก  ผมคอยมองเธอมาตลอด  มาถึงวันนี้ผมยังไม่รู้ชื่อพี่เค้าเล้ยยย  รู้แต่ว่าอยู่ปี  2    

      คณะแพทศาสตร์

                  คืนนี้มีการแสดงของรุ่นพี่  แสดงเสร็จประมาณ  4  ทุ่มกว่า  แล้วก็มีเล่นเกมต่อ

                  เกมนี้ก็มีอะไรมาก  ก็แค่พวกปี  1  อย่างพวกผมยืนเป็นวงอยู่รอบนอก  ส่วนรุ่นพี่ก็ยืนเป็นวงอยู่ด้านใน  แล้วก็จับมือทักทาย  ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องต้องแนะนำตัวเอง  ผมดีใจมากที่พี่คณะแพทศาสตร์คนสวยคนนั้นมายืนอยู่ในวงด้วย  คราวนี้แหละจะได้ทั้งจับมือทั้งรู้จักชื่อแล้ว  (แต่ว่ายืนอยู่กันคนละฟากเลยแฮะ)

                  เสียงนกหวีดเป่าไปเรื่อย ๆ    เป็นสัญญาณให้วงกลมทั้งสองหมุนไปตามเสียงนกหวีด  จนในที่สุด  (เฮ้อ  รอตั้งนาน)

                  "สวัสดีค่ะ  น้อง..."

                  "สวัสดีครับ  ผมไม้ทีครับ  เรียกสั้น ๆ  ว่า  ไม้  ก็ได้ครับ"                      'ชื่อแปลกจัง' 

                  "พี่ชื่อ  แก้ม  จ๊ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ"                                           'ชื่อน่ารักเป็นบ้าเลย  แถมยิ้มน่ารักซะด้วย'

                  เธอยื่นมือมาพร้อมส่งยิ้มให้  ตอนนั้นผมหัวใจแทบละลาย 

                  ...ปิ๊ด...  เสียงนกหวีดดังขึ้น  ผมจึงรีบยื่นมือไปจับตอบ  พร้อมพูดตะกุกตะกัก

                  "ช..ชะ.. เช่นกันครับ"

                  เพื่อนข้าง ๆ  ผมมันเห็นเลยแซว  "ตาหวานไปมั้ง"  ผมเอามือเกาหัวแก๊ก ๆ  แก้เขิน

      ผมก็เลยรีบปล่อยมือเธอแล้วทักทายพี่คนต่อไป

                  เสร็จแล้วพี่ ๆ  เค้าก็ให้เข้าแถว  แถมยังแจกระดาษให้เขียนชื่อพี่ ๆ ที่เพิ่งทักทายกันเสร็จ  มีข้อแม้ว่าถ้าไม่ถึง  30  คน  ต้องถูกทำโทษ  ผมนี่กุมขมับทันทีที่ได้ยินเลย  ก็  60  กว่าคน  ดันจำแม่นได้อยู่คนเดียวเท่านั้นเอง  นอกนั้นผมก็ถามเพื่อนข้าง ๆ  ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงจำชื่อคนอื่นไม่ได้เลย

                  จากนั้นพวกพี่ก็ให้พวกที่เขียนชื่อรุ่นพี่ไม่ถึง  30  คน  (หนึ่งในนั้นก็มีผมด้วย)  มาเต้นท่าอะไรก็ไม่รู้ดูทุเรศยังไงบอกไม่ถูกแฮะ  พวกผม  20  กว่าคน  ก็เต้น ๆ  ไปให้จบเพลง  พอมองไปเห็นพี่แก้มเค้านั่งขำอยู่กับเพื่อนอีกคน  ผมก็ขยับถอยเข้าไปอยู่ข้างหลังเพื่อน ๆ  แต่ดูท่าพี่แก้มเค้าจะหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่

                  เสร็จแล้วก็ส่งท้ายด้วย  การร้องเพลง  ผมล่ะทึ่งเลย  พี่แก้มเป็นคนเล่นเบส  ทีแรกดูเรียบร้อยน่ารักไม่คิดว่าจะเล่นดนตรีแบบนี้ได้  แต่ก็ดูน่ารักมากกว่าเท่แฮะ  คราวนี้พี่ ๆ  เค้าประกาศหารุ่นน้องไปร้องเพลง  ผมก็เลยรีบยกมือทันที  (ทั้งที่ตอนอยู่บ้าน  แม่ด่าทุกวันว่าไม่ให้หอน  แต่ก็แค่อยากยืนอยู่ใกล้ ๆ เธอ)

                  ดนตรีขึ้น  ผมก็ร้องไปเรื่อย ๆ  "เธอ...คือ คนที่ฉัน...    ว่าฉันรักเธอคนเดียว  ไม่เหลือเศษเสี้ยวให้ใคร  ...รักเธอหมดหัวใจ..."  ร้องไปก็ชำเลืองดูมือเบสไป  หลายต่อหลายครั้งรอยยิ้มของเธอทำเอาผมร้องตะกุกตะกักไปเลย

                  วันรุ่งขึ้นผมทำกิจกรรมนิดหน่อยก็ได้กลับบ้าน  แต่วันนี้ไม่เห็นเธอเลย  น่าเสียดายจัง

                  กลับไปถึงบ้าน  ผมจำรอยยิ้มของเธอได้  เลยรีบหยิบกระดาษวาดภาพมาวาดเค้าโครง  ผมใช้เวลาราว  2  ชั่วโมง  จึงวาดเสร็จ  แล้วก็เอาภาพไปติดไว้ที่ฝาผนังห้องนอนข้างตู้เสื้อผ้า  แม่ของผมเดินผ่านมาเห็นก็แซว  "สาวไหนน้า  ทำให้ลูกแม่ยิ้มคนเดียวไม่หยุด  อ๊ะ...คนในภาพนี้ใครน้า"  ผมเลยรีบไปยืนบัง  เพราะไม่รู้จะตอบยังไง



                 

                  หลังจากที่ผมเดินลากขามาเกือบครึ่งวัน  ถุงอะไรต่อมิอะไรก็เต็มมือผมไปหมด  ผมรีบลงไปชั้นใต้ดิน  ระหว่างที่ผมก้าวเอาก้าวเอาก็ได้ยินเหมือนมีใครเรียก  (นั่นสินะใครเรียกกันนะ  มาถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลย  อาจเป็นบุปเพอาละวาดก็ได้)   ผมหันไปแต่เท้าก็ยังไม่หยุด

                              เอี๊ยด  !!!...  เสียงเบรกอย่างแรง

                  ร่างกายของผมถูกผลักไปอีกฝั่ง  ข้าวของกระจัดกระจาย  มีคนช่วยผมไม่ให้ถูกรถชน  และคน ๆ  นั้นก็ล้มอยู่ข้าง ๆ  ผม  'ใครกัน'  ในใจผมนึกสงสัยมาก

                                          ฮะ!!!  แก้ม   

                  เจ้าของรถคันนั้นก็รีบลงมาดู  หน้าเขาค่อนข้างโกรธ  แต่ก็ยังดีที่รู้จักถาม    ว่าเป็นอะไรมากไหม  แต่พอได้คำตอบว่าไม่เป็นอะไร  เค้าก็ด่ากระหนั่มเลย  ผมต้องขอโทษขอโพยเค้าไป แล้วช่วยพยุงแก้มขึ้น  รถคันนั้นก็รีบไปไม่รู้จะรีบไปไหนนักหนา

                  ผมรีบเก็บข้าวของทั้งหมดทั้งของแก้มและของผม  และอาสาไปส่งเธอที่รถ    แต่...แต่ว่า ไหงเป็นงี้  เมื่อกี้ยังยืนได้อยู่เลย  เธอลุกไม่ไหวถึงจะถอดรองเท้าก็เถอะ  ก็ยังลุกไม่ได้อยู่ดี  ผมเลยอาสาจะไปส่ง  เธอไม่ได้พูดอะไรมาก  แต่หน้าซีดไปถนัด  ผมยิ้มให้เธอแล้วพยักหน้า  เป็นเชิงว่าไว้ใจได้ 

                  "บ้านผมน่ะ   อยู่ใกล้บ้านคุณนิดเดียว"    แก้มคงงงว่าผมไปรู้ว่าบ้านเธออยู่แถวไหนได้ไง  ผมหยุดมองเธอสักครู่  เธอคงไม่กล้าไปกับคนที่ไม่รู้จัก

                  "ผมไม่รังแกคนที่ไม่มีทางสู้หรอกน่า  ไปหาหมอก่อนดีไหม"

                 

                  เธอนิ่งเงียบไปครู่นึง  เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
      "ฮัลโหล  ค่ะพี่..."  เธอนิ่งฟังโทรศัพท์  ประมาณเกือบสามนาที 

      "ค่ะ  โชคดีนะคะ"   เธอทำหน้าเซ็งไปนิด ๆ   แล้วเธอก็พยักหน้าให้ผม  "ไปกันเถอะค่ะ"

      ในรถ

                  "ขอบคุณมากนะครับแก้ม  ที่ช่วยผม" 

                  "ก็นายเป็นรุ่นน้องของฉันหนิ  ขอบคุณเหมือนกันนะ  ที่พาไปหาหมอ  แล้วก็มาส่ง"... "เอ๊ะ  เมื่อกี้คุณเรียกพี่ว่าอะไรนะ"

                  ... "แก้ม  ครับ"

                  "เรียกพี่แก้มสิคะ  ฉันเป็นรุ่นพี่ของคุณนะ"

      ผมไม่อยากเรียกเธอว่าพี่เลย   ก็วันเกิดของเธอนี่เกิดหลังผมซะอีก  (ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าผมไปรู้มาได้ไง  ก็ผมแอบไปดูประวัติเธอในเน็ตมหา'ลัย  หลังจากที่เสร็จรับน้องมา)

                  "ถ้าไม่ให้ผมเรียกว่า  แก้ม  ผมพาคุณลงแถวนี้น้า..ว่าไง"  ผมเลิกคิ้วข้างนึง  แล้วยิ้มด้วยความที่ว่าเป็นต่อ  ส่วนแก้ม  เธอมองออกไปนอรถมันเป็นป่า ๆ หน่อย  เธอก็เลยตอบ

                  "ก็ได้ค่ะ..น้องไม้" 

                  "อ้าว  แล้วต้องเรียกผมว่าไม้เฉย ๆ ด้วยนะ ไม่งั้น"  ผมยังแถมด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

                  "ค่ะ  ค่ะ"  แล้วแก้มก็อมยิ้ม  แก้มบ่นอุบอิบ  ส่วนผมก็หัวเราะเบา    ไปพร้อม ๆ กับส่ายหัว

                  ผมมาถึงบ้านของเธอ  ใหญ่ยังกะวังแน่ะ  แต่เหมือนไม่มีใครอยู่บ้านเลย  และก็ไม่มีใครอยู่จริง ๆ  ด้วย 

                  แก้มเดินไม่ไหว  แต่เธอก็ยังดันว่าไปได้  เดินเองได้  ผมเห็นท่าก็เลยอุ้มเธอเอาซะดื้อ ๆ ยังงั้น  เธอตกใจฟาดมือที่กลางหลังผมซะเต็มแรง  ผมเจ็บมาก  แต่ก็ไม่ใส่ใจโวยวายอะไร  (ก็เราผิดเองนี่ อุ้มแบบไม่ได้บอกไม่ได้กล่าว)  ไม่คิดเล้ยยยว่าคนสวยจะมือหนักขนาดนี้  เธอก็รีบขอโทษผมอยู่หลายรอบ  ผมก็เลยบอกว่า

                  "งั้นถ่ายโทษด้วยการให้หอมแก้ม"  ผมพูดทีจริงทีเล่น

                  "อะไรของนาย  จะบ้าเหรอ" 

                  "ล้อเล่นครับ"  เลยต้องใช้ประโยคนี้อีกจนได้

                  "เอาเป็นว่า  พรุ่งนี้คุณว่างไหม"

                  "ค่ะ"

                  "รู้ไหมว่า  ผมอยากเจอคุณทุกวันเลย"

                  ถึงตอนนี้แก้มทำหน้าดับเบิ้ล ง  ผมก็เลยลงไปเอาของในรถขึ้นมาให้  แล้วก็ขอตัวกลับบ้าน

                  "นี่เบอร์ผมนะ"  ผมยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ  ไปให้เธอ

                 

      'ให้ทำไมเนี่ย  คิดว่าฉันจะโทรไปหาหรอ    นายนี่แปลก ๆ  แต่ก็น่า...'

                  "ไม่คิดแล้ว  นอนดีกว่า"   แก้มบ่นกับตัวเอง  แล้วก็ล้มตัวนอน  แต่ยังไงก็นอนไม่หลับได้แต่พลิกไปมา

                  ส่วนผมกลับถึงบ้านประมาณ  5  ทุ่มกว่า  มาถึงแม่ก็เอ็ดตะโรซะยกใหญ่  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร  รีบอาบน้ำแล้วนอน  (ก็ตอนนี้ตาผมมันลืมเกือบไม่อยู่แล้ว)  แต่แปลกแฮะ  พอนอนเข้าจริง ๆ ดันนอนไม่หลับ  ภาพเธอยังวนเวียนอยู่ในหัว



      และแล้ว....

                  เสียงโทรศัพท์ที่ดังยังไม่ทันจบเพลง  ผมก็รีบรับทันที  เพราะหวังว่าจะเป็นเธอ

                              "สวัสดีครับ"

                              "เอ่อ....(ผมว่าใช่นะเสียงนี้)  สวัสดีค่ะ  ไม้ใช่ไหมคะ"

      ใช่ครับป็นเสียงที่ผมรอมาตั้ง  3  วันแล้ว  คุณผู้อ่านคงไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมดีใจจนวิ่งตะโกน ไชโย  ไปรอบ ๆ  บ้านสัก  10  รอบ  ได้เลยครับ

                              "ว่าไงครับ  คนสวย  คิดถึงผมจนทนไม่ไหวหรือไงครับ" 

      "จ้า....คิดถึง  คิดถึงม๊ากมาก"(ผมไม่คิดเลยว่าเธอจะรับมุกผม  แอบดีใจด้วย)

                              "หนังสือของฉันนะไม่ใช่นาย" ประโยคต่อมาอยากไปกระโดดน้ำตายจริง ๆ เล้ย

      (3   วัน  ก่อน  แก้มหาของสำคัญ  (หนังสือเรียนทั้งหมดที่จะใช้เรียนในชั้นปี  2)  แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที

                  เรา คุยกันไปเรื่อย ๆ  กี่ชั่วโมงผมก็ไม่ได้ดูเวลา  รู้อย่างเดียวว่าอยากคุยให้นานที่สุด  สุดท้ายผมก็เลยนัดเธอจนได้ที่สาธารณะใกล้ ๆ  มหา'ลัย  ซึ่งเธอรู้จักแต่ไม่เคยไปเดินเล่นในนั้นสักที)

                  วันรุ่งขึ้นผมมานั่งรอเธอตั้งแต่  2  โมงเช้า  ทั้งที่นัดไว้ตอน  4  โมง  แต่เธอก็มาก่อนเวลานัดตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ  ทำให้ผมใจชื้นคิดเข้าข้างตัวเองไปว่า  เธออาจจะให้ความสำคัญกับเราแล้วนะ

      ผมนำหนังสือไปไว้ในรถให้เธอ   แล้วก็พาเธอไปเดินทั่วสถานที่นี้เลย  เราทานข้าวด้วยกัน  กินไอศกรีมด้วยกัน  แล้วก็นั่งเล่น  เวลาตอนนี้ผมอยากให้มันหยุดอยู่กับที่  ตอนนี้ก็ราว  4  โมงเย็นแล้ว  ด้วยความล้า  ผมและเธอก็มานั่งบนพื้นหญ้าริมสระน้ำกลางสวนฯ  เธอเอนหลังพิงต้นไม้  ส่วนผมที่นั่งอยู่ข้างเธอก็นอนลงกับหญ้า ใช้มือสองไขว้กันข้างแทนหมอน

                  เราพักจนหายเมื่อย  แล้วแก้มก็ดึงมือผมไปเดินดูพวกเด็ก ๆ  กับคนแถวนั้นเล่นบาส  แต่ดูไม่ดูเปล่านะ  เธอไปขอเค้าเล่นด้วย  แล้วก็ดึงผมไปอยู่ทีมตรงกันข้ามอีก  ตอนเล่นผมไม่เคยแย่งลูกเธอได้เลยก็เหมือนเธอที่ชู้ตไม่เข้าสักลูก  (ที่จริง ถ้าผมเล่นกับเพื่อน ผมแย่งได้ทุกครั้งแหละ  แต่ตอนนี้ผมอยากให้เธอเก่งกว่าผม  อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไม)

                  จนมืดเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  ตั้งแต่กลับมาผมยิ้มไม่หุบเลย

                  ในที่สุดก็เปิดภาคเรียน  ผมได้เห็นแก้มเกือบทุกวัน  บางวันเราก็ไปทานข้าวด้วยกัน  (แต่นาน ๆ  ครั้ง  เธอเรียนหนักตั้งแต่ต้นเทอมแหละ)  แต่ที่ทำทุกวันเลย  คือ  โทรไปหาแก้ม  ได้ยินเสียงสักนิดก่อนนอนก็ยังดี  (เธอก็อาจจะรำคาญบ้างแหละ  เพราะเวลากลางคืน เป็นเวลาอ่านหนังสือของนักศึกษาแพทย์)

                  ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้เราคบกันในฐานะอะไร   เพื่อนงั้นเหรอ ไม่ใช่แน่ ๆ  ความรู้สึกผมมันบอกว่าอยากเป็นแฟนเธอตั้งแต่แรกเห็น  แต่ผมไม่เคยพูดเรื่องแฟน  หรือ  GIRL FRIEND   จริง ๆ จัง ๆ  กับเธอเลย  พอพูดเธอก็พูดว่า  "ล้อเล่นอีกแล้วนะ"  แล้วก็หัวเราะ  (ดูๆ  ไปก็เหมือนว่าเธอยังไม่รู้จักคำว่า  "แฟน"  หรือ  "ความรัก"  แต่ดูไปอีก เธอก็อาจมีแฟนแล้วก็ได้  ผมก็เดาไปตามประสา ) ผมก็เลยหัวเราะไปกับเธอ

                  เวลาผ่านไปเกือบปีแล้วที่เรารู้จักกัน  ผมเห็นมีผู้ชายที่เธอสนิทอยู่หลายคน  ทั้งรุ่นพี่  คนในคณะเดียวกัน  คนต่างคณะ  ก็เธออัธยาศัยดีนี่  หน้าตาก็ดี  สมกับเป็นนักศึกษาแพทย์  แก้มยังเป็นมือเบสของมหาลัยด้วย  มีคนมาจีบเธอเหมือน ๆ ผม มากมาย   แต่เธอก็ไม่เคยคิดอะไรด้วย (อันนี้ผมเดานะ)  แม้แต่ผมงั้นเหรอ ?

                  มีอยู่วันนึง  หลังสอบเสร็จเทอม  2    ผมก็อยู่ฉลองกับเพื่อนที่หอพักในมหา' ลัย    เพื่อน ๆ ก็เปิดเพลงลั่นหอ  ดื่มทั้งเหล้า  กินทั้งเบียร์  บุหล่งบุหรี่พวกมันเอาหมดแหละครับ  ผมดื่มอยู่แป๊บนึงก็ทนกลิ่นบุหรี่ไม่ได้  จึงเดินลงไปดูดาวข้างล่าง  วันนี้ดาวสวยเป็นพิเศษ  ทำให้ผมเม่ออยู่อย่างนั้น

                  "ปล่อยนะ  ปล่อย....พี่โดม  เมามากแล้วนะ ปล่อยค่ะ"

      เสียงแผ่ว ๆ  ที่ดังมาตามสายลมมันช่างคุ้นหู

       'ใช่สิ  เสียงแก้มนี่' 

                  ผมรีบวิ่งไปตามทิศที่ได้ยินเสียง  แก้มอยู่กับรุ่นพี่คนหนึ่ง  (ซึ่งผมเข้าใจมาตั้งนานแล้วว่าเป็นแฟนของเธอเขาชื่อ พี่โดม)  ดูท่าแล้วพี่เค้าจะดื่มมามากเหมือนกันนะนี่

                  พี่โดมกำลังจะลวนลามแก้มอยู่  ส่วนแก้มก็พยายามหลีกเลี่ยง 

                  "แก้ม  เธอก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไง  2  ปีแล้วนะ  เธอไม่เคยแคร์พี่เลย"  คำอีกมากมายที่คนเมา ๆ  คนนึงกำลังต่อว่าเธอ  แก้มดูหน้าเสียไปเลย  เธอกำลังจะเดินหนีแต่ถูกกระชากเอาไว้  ภาพเบื้องหน้าที่ผมเห็น  มันทำให้ผมยืนอยู่เฉยไม่ได้

                  ผมวิ่งตรงไป  กระชากคอเสื้อพี่เค้า  แล้วต่อยเรียกสติไปซะเต็มแรง จนเลือดซิบ ๆ ออกจากปาก

                              "ใครวะ  !!!"  เสียงตะคอกจากพี่โดม  แล้วพี่เค้าก็ลุกขึ้นมา

                              "สุภาพบุรุษน่ะ  สะกดถูกหรือเปล่าครับ"  ผมพยายามพูดให้สุภาพเพราะเค้าเป็นรุ่นพี่

                              "ถูก  ไม่ถูก เรื่องของกู"  พูดจบ  พี่โดมก็กำหมัดขึ้นมาชกผม  แล้วเราก็แลกหมัดกันไปมา  ทั้งศอกทั้งเข่าก็ตามมา  นึกแล้วมันไม่หาย  (มันเจ็บชะมัดเล้ยย)

                  คนจากคณะแพทย์ที่ฉลองกันอยู่ในหอพักแถวนั้นได้ยินเสียงก็มาห้าม  ดีที่เรื่องนี้ไม่ถึงหูอาจารย์คนไหน  เพราะช่วย ๆ  กันปิด  ไม่งั้นตำแหน่งหัวหน้านักศึกษาคณะแพทย์ ฯ  ของพี่โดมต้องหลุดลอยไปโดยปริยายแน่

                  วันรุ่งขึ้น  แก้มมาขอบคุณผม  ก่อนที่เธอจะกลับบ้าน

                 

      เวลาผ่านไปเกือบปีแล้วที่เรารู้จักกัน  จนถึงวันวาเลนไทน์  ผมตัดสินใจว่าจะบอกความในใจให้เธอรู้จริงๆ จัง ๆ  สักที  วาเลนไทน์ ปีนี้ตรงกับวันหยุดพอดี  ผมก็เลยมีโอกาสดี ๆ  พาเธอไปเที่ยว  ดูหนัง  ฟังเพลง  ตามประสา  (แฟนกัน  (คนอื่นเค้าก็คิดอย่างนี้นะ)) 




                     

                  ตอนค่ำแก้มขอร้องให้ผมพาไปสวนสาธารณะ  พอไปถึงผมก็ซื้อกุหลาบช่อใหญ่ไปเซอร์ไพร์เธอ  พร้อมสร้อยเพชรรูปหัวใจกับkeyให้เธอ  ดูแก้มตอนนี้หน้าแดงเอามาก ๆ  แต่ผมไม่ทันจะแซว  เธอก็แถวมาก่อน

                  "หน้าแดงเหมือนลูกสะเดาเลย"

      ผมฟังรู้สึกว่ามันทแม้งชอบกล....เฮ้ย

                  "ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเด็กแพทย์ตกภาษาไทยกัน   ลูกตำลึงตะหากล่ะ"

                  "อ๋อ  ค่ะ  ใช่ค่ะ  พูดผิดไปนิด  ถ้าให้จำ   Gross Anatomy  Micro Anatomy  Physiology  พอจำได้นะ"

                  ผมมองดูแก้มอยู่นาน  ส่วนเธอเหมือนมีอะไรจะบอกผม  จนในที่สุด  

                              "วันนี้นายมีดอกไม้มาให้ฉันใช่ไหม  เอ่อ...เอ่อ"..... "ฉันก็มีของขวัญให้นายเหมือนกัน"

                  ผมเลิกคิ้วสงสัยนิดหน่อย  เธอก็บอกให้ผมหลับตา  ตอนแรกผมก็แอบดู  แต่เธอก็บอกว่าลืมตาอีกนิดจะไม่ให้นะ  ผมก็เลยไม่กล้าแง้มเปลือกตาสักนิด  ลมหายใจแผ่วเบากระทบที่ใบหน้าของผม  ทำเอาผมอึ้งไปชั่วขณะ  ไม่คิดว่าเธอจะ...

                  เมื่อผมเรียกสติกลับมาได้  ผมจึงสวบกอดเธอ

                  "ใครจะยอมให้คุณหลอกแต๊ะอั๋งผมฝ่ายเดียวล่ะ"

      แก้มก็เพียง  "หนิ..หนิ..  (พูดไม่ออก)"

                  ใบหน้าของทั้งผมและเธอในตอนนี้   เปื้อนรอยยิ้มแห่งความสุขบวกกับความอบอุ่นที่ในใจไม่เคยมี

                  แต่ก่อนแก้มเคยบอกว่า  ไม่อยากมีแฟน  มีแฟนแล้วเสียเวลาอ่านหนังสือ  (เธอก็คิดหาข้ออ้างไปได้)  ยิ่งแต่รุ่นน้องนี่ไม่ใช่สเปกเธอ  ผมอยู่ในประเภทนี้พอดี  เฮ้อ  แต่มาถึงวันนี้  ผมก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองอีกเหมือนเคย

                  "คุณเป็นแฟนผมแล้วนะ"

                  "อย่าเหมาสิ"

                  "ผมจะทำยังไงให้คุณยอมรับดีนี่  เป็นโจทย์ที่ยากน่าดูเลยแฮะ"

      ผมเอามือกุมขมับ  แล้วส่ายหัว  ปากก็ยิ้ม ๆ  แล้วเดินไปที่รถ  ทำท่าว่าจะกลับ

                  "เดี๋ยวก่อนสิ  นี่  ฉันให้"  แก้มยื่นกระดาษโน๊ตเล็ก ๆ มาให้ผม  แล้วเธอก็รีบวิ่งไปขึ้นรถ  และขับกลับบ้านแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  ผมมองตามรถนั้น  จนเลี้ยวหายไป

                  ผมก้มลงมองดูกระดาษในมือ  มีข้อความที่ผมอ่านแล้วกระโดดดีใจอยู่ตรงนั้น  โดยไม่สนใจคนรอบข้างเลย

                  ตั้งแต่วันนี้  เรา  2  คน  เป็นแฟนกันแล้วนะ

      ติ๊ด.....ติ๊ด....  มีข้อความ  1  ข้อความ  ถึงคุณ

                  ผมจึงรีบเปิดดู  "แก้ม  รัก  ไม้ นะ"  ถึงจะเป็นข้อความเพียง  4  พยางค์  แต่มันทำให้น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างผมตกไปหยดนึงทีเดียว  มันไม่ใช่เพราะเสียใจ    แต่มันเพราะดีใจสุด ๆ 

                  เวลาผ่านไปอีกเป็นเดือน  เป็นปี  ผมรักเธอ  และเธอก็รักผมไม่เคยเปลี่ยน    แต่โชคชะตาทำไมถึงทำอย่างนี้หนอ  แก้มเรียนจบปี  3  ก็ได้ทุนเรียนต่อที่รัสเซีย    แน่นอนผมไม่ห้ามเธอ  แต่กลับส่งเสริมให้เธอไปเรียนที่นั่น  ผมบอกเธอว่า  อนาคตที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต  จนแก้มต้องถามผมว่า  คุณไม่คิดจะห้ามฉันเลยเหรอ

                  ในวันสุดท้าย  ก่อนที่แก้มจะไป  เธอได้ชวนผมไปสวนสาธารณะ  เธอเล่นบาสกับผม   วันนี้บรรยากาศมันเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็น  เราเล่นกันจนเหนื่อย  แล้วผมก็พาเธอไปนั่งเรือเล่น  ไม่รู้เธอนึกสนุกอะไรขึ้นมา  โคลงเรือไปมาจนเรือคว่ำ  ผมและเธอตกน้ำไปคนละทิศละทาง     

                  แก้มมองไปรอบ ๆ  ไม่เห็นผม  เธอดำน้ำลงไปหาจนเจอผม  เธอลากผมมาจนถึงสนามหญ้าริมขอบสระ  ตอนนี้แก้มดูหน้าซีด  กลัวผมจะเป็นอะไรไปมั้ง  ด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอ  เธอจึงปั๊มหัวใจให้ผมแต่ผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น  เธอลังเลอยู่ครู่นึง  จึงตัดสินใจผายปอดให้ผมครั้งแรก  ผมยังไม่ฟื้น  แต่พอเธอก้มลงมาจะผายปอดให้ผมครั้งที่  2     ผมก็ใช้แขนของผมรั้งคอของเธอลงมา  เธอดูตกใจมากพยายามใช้แขนเล็ก ๆ  ดันตัวเองออกและพยายามจะหันหน้าหนีไปทางอื่น

                  "ไม้...ไอ้บ้า  จะทำ  อุ้บ !"

                  เธอยังพูดไม่จบประโยค  ผมก็จัดการปิดปากเธอซะ  ตอนแรกเธอก็ดิ้นพยายามจะหลุดออกจากอ้อมแขนของผม  แต่มันก็ไม่เป็นผล  จนในที่สุดเธอก็หยุดดิ้น  จนผมถอนริมฝีปากออก  เธอจึงดันตัวลุกขึ้น  และผมก็ลุกขึ้นนั่งมองเธอ

                              "บ้า  ทำอะไรของนาย  นี่มันสวนสาธารณะนะ  จะทำอะไรก็ดูที่ดูทางบ้างสิ"  เธอตำหนิผม  ใบหน้าเธอตอนนี้ดูน่ารัก   ตาดุ ๆ  หน้าแดง ๆ  จนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้

                              "ผมก็จูบคุณไง  แล้วคุณคิดว่าผมทำอะไรล่ะ"   ผมก็ยังมีอารมณ์พูดกวนอยู่

      เธอตีเพลี้ยเข้าที่แขนของผม

                              "พูดบ้าอะไร  ยังมากวนอยู่ได้  ดูสิคนมองเต็มเลย"

                  ผมมองดูตามที่เธอพูด มีคนมองดูเราจริง ๆ    ถึงแม้จะเป็นช่วงบ่ายแต่ก็มีคนมาที่สวนสาธารณะแห่งนี้พอควร  จึงตัดสินใจรีบพาแก้มออกไปจากที่นั่น  คิดดูสิคะมันตลกขนาดไหน  ผู้หญิงกับผู้ชายทำอะไรกัน  (ไม่ถึงขนาดนั้นนะ)  แล้วมีสายตาแปลก ๆ  หลายคู่จับจ้องมา  เป็นคุณจะทนอยู่ไหม  ก็ต้องวิ่งสิครับ  (เพราะว่านี่มันเมืองไทย)

                  คืนนี้เธอต้องเดินทางแล้วสินะ  เธอก็บอกผมว่าคงจะกลับมายาก  เพราะทางรัสเซียเขาให้ทำงานอยู่โน่นเลย  เธอพูดเศร้า ๆ  ว่างช่วงเวลา  2  ปี  ที่ผ่านมา  ฉันมีความสุขมาก  แต่มันคงเป็นแค่ความทรงจำแล้วล่ะ  ฉันและคุณพระเจ้าคงให้เวลาเราแค่  2  ปี  ไม่ต้องติดต่อไปนะ  ทั้งเมลล์  มือถือ  แล้วก็เอ็ม  ฉันไม่มีอีกแล้วล่ะ  แต่ฉันมีอะไรจะบอกคุณ  เครื่องออก  5  ทุ่ม  นะ...ฉันมีอะไรจะบอกคุณ"   ส่วนผม

                  มีพบ  มีพราก  มีจาก  มีลา  ผมก็มีอะไรจะบอกคุณเหมือนกัน  ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ"  ตอนนี้  4  ทุ่ม  เหลือเวลาอีก  1  ชั้วโมง  ผมรีบขับรถออกไป

                  แปลกแฮะ  คืนนี้รถติดจัง  ผมรอตั้งนานรถกระดึบทีละนิด!!!  ข้างหน้ารถชนกันนี่  รถ  2  คันชนกันขวางทางอยู่  จนรถคันหลัง ๆ  ไม่มีที่ไป  ผมเห็นภาพแล้วถ้าขับรถไปมันไม่มีทางไปแน่  ก็เล่นมาชนขวางทางซะขนาดนั้น

                  ผมตัดสินใจทั้งรถไว้ข้างทางนี่แหละ  เอาวะ  2-3  กิโล  มันไม่เหนื่อยเท่าไรหรอกน่า

                  ผมเดินไปตามฟุตบาท  พอมองนาฬิกา  4 ทุ่ม  57  สนามบินอยู่ตรงหน้า  ผมรีบวิ่งเข้าไป  สาวเท้าก้าวยาวเรื่อย ๆ  และวิ่งเข้ามาใน  Air port  สายตาผมกวาดไปทั่ว

                  'รัสเซีย  เที่ยวรัสเซีย  ไปทางไหน'  คิดไปก็มองหาบอร์ดไป

                  "ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ  ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วค่ะ"

                  'เจอแล้ว  รัสเซีย  ช่อง  5'  ผมรีบวิ่งไป  คนสุดท้ายกำลังขึ้นช่อง  5  ผมวิ่งเข้าไป  แต่พนักงานจับตัวผมเอาไว้ 

                              ....

                              ไม่มีสิทธิ์.....

                              ลาเธอ..........

                              อีกแล้ว........

                              ...................

      แล้วคำที่จะบอกเธอล่ะ..............

                  คืนนั้นผมเดินกลับบ้านระยะทางก็ราว ๆ  6  กิโล  ผมเดินตาลอย  ใจลอย  มาจนถึงบ้าน  ดู ๆ ไปก็เหมือนวิญญาณนั่นแหละ




                 

                  ผมทำงานได้เกือบปีแล้ว  มีผู้หญิงมาข้องแวะกับผมก็มากอยู่นะ  แต่ใจผมมันยังฝังอยู่กับเธอคนนั้น  ผมพยายามติดต่อทุกทาง  ติดไม่เคยเห็นอะไรกลับมาเลย  จนถึงตอนนี้แล้วผมไม่คิดจะติดต่อไปแล้ว  และผมกำลังคิดจะตัดใจ  ที่จริงผมก็คิดแบบนี้ตั้งนานแล้วนะ  แต่มันก็เป็นซะอย่างนี้

                  วันนี้ก็เป็นวันทำงานอีกวันของผม  ผมเปิดเมลล์ขึ้นมาเชค หลังจากที่ไม่เชคเป็นอาทิตย์แล้ว  มีเมลล์นึงผมก็ไม่รู้ว่าใครส่งมา 

                 

      ถึง ไม้ ที่ฉันไม่เคยลืมค่ะ

                  สวัสดีค่ะ ไม้  ฉันขอโทษนะคะที่ไม่เคยติดต่อกลับไปเลย  ไม่ใช่เพราะฉันโกรธหรืองอนนาย  ที่นายไม่ไปส่งฉันที่  Airport อย่างที่นายคิดหรอกนะ  แต่เพราะว่า เงื่อนไขของทุนที่ฉันได้นี่  เค้าบอกว่า ต้องทำงานให้ประเทศเค้า  ฉันก็คิดว่า ฉันจะไม่ได้กลับไป  แต่รู้ไหม  ว่าตอนนี้ คุณพ่อฉันเอาเงินมาใช้ทุนเค้าแล้ว  คุณพ่อทนคิดถึงฉันไม่ได้  จึงให้ฉันไปหางานทำที่ไทยเอาดีกว่าอยู่ที่นี่ 

                  ฉันกำลังจะกลับแล้วค่ะ  ต่อไปนี้ฉันจะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย  ฉันอยู่ที่นี่ก็รู้สึกคิดถึงหลาย ๆ  คนที่นั่นเหมือนกันค่ะ

                  วันที่มีสุริยุปราคาฉันจะรอนายอยู่นะ  รออยู่ที่ที่เราชอบไปมากที่สุด  ดูสิว่านายจะผิดนัดเหมือนครั้งก่อนไหม 

                                          คนที่เคยช่วยนายตอนจมน้ำที่สวนสาธารณะ

      Ps.  นาย ยังจำได้ไหม  ฉันเคยบอกว่ามีอะไรจะบอกนายก่อนฉันจะมาเรียนที่นี่น่ะ  ฉันยังไม่ได้บอกนายเลย  ยังอยากรู้ไหมน้า  แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไรหรอก  แต่ฉันยังอยากรู้นะว่าตอนนั้นน่ะนายจะบอกอะไรฉัน  ฉันรอคำตอบอยู่นะ  มาดูกลางวันที่มืดมิดด้วยกันนะ 


      ผมนั่งอ่านอยู่หลายรอบ  ความรู้สึกตอนนี้มันบอกไม่ถูก เหมือนกำลังฝันอยู่ยังไงยังงั้น  มันเป็นเรื่องจริงเหรอ
      ?

      อีก  4  วัน  ต่อมา  มาที่สวนสาธารณะที่ประจำของผม  มันเป็นที่ประจำไปเมื่อไรก็ไม่รู้นะ

                  วงกลมดวงมืด ๆ  เคลื่อนมาบดบังดวงอาทิตย์ดวงงามในยามบ่าย  แสงเพียงนิดส่องให้สิ่งแวดล้อมดูสลัวราวยามใกล้พลบค่ำ

      ในสวนสาธารณะที่เรียกได้ว่ากว้าง  ตรงกลางเป็นสระน้ำขนาดใหญ่  บรรยากาศแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงา  ไม้ดอกสีสวยที่ปลูกเป็นรูปเรขาคณิตต่าง ๆ    และหญ้านุ่ม ๆ  ถนนคดโค้งเป็นทางไว้จ๊อกกิ้งและถีบจักรยาน  มิหนำซ้ำยังมีสนามกีฬาให้คนแถวนี้  ได้เล่นได้ออกกำลังกายกัน

      ผมปราดมองไปทั่วบริเวณริมสระน้ำนี้  แต่วันนี้มันไม่เหมือนทุกวันที่ผมเคยมา  คนมากหน้าหลายตาพากันมายืนดูปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นนี้เต็มเลย  แต่ผมก็พยายามมองหา...หาคนคนนึงที่จากผมไป  โดยไม่คิดจะกลับมา  ภายในใจผมเริ่มท้อทุกขณะที่เท้าผมจั้มเอาจั้มเอา  สายตามองไปจนทั่ว  แต่ไร้ซึ่งวี่แวว  ผมเดินไปเกือบรอบสระน้ำแห่งนี้แล้ว  จนครบรอบ  ซึ่งในตอนนี้ผมเหนื่อยมาก  ผมหยุดพักอยู่ครู่นึง  พลันในตาก็เหลือบไปเห็น...หญิงคนนึง  ผมคิดเอาเองว่าต้องใช่แน่ ๆ  ถึงจะมองจากด้านหลังก็เถอะ  หลังจากที่ผมรู้ตัวว่ายืนยิ้มอยู่คนเดียว  และรีบเดินตรงมาหาเธอคนนั้น  (หวังลึก ๆ  ว่าต้องใช่)  ความทรงจำสีจาง ๆ  เริ่มแว๊บเข้ามาในหัวผม  เป็นฉาก เป็นฉาก

                  ผมไปยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว  ผมทำอะไรไม่ถูกเลย  นึกอะไรสนุก ๆ ออกมา ผมก็เลย

                              "ให้ทายครับ  คน ๆ นี้  ใคร"  ผมเลยใช้มุกนี้ซะเลย  ในใจผมก็ยังไม่แน่ใจว่าคนที่ผมกำลังปิดตาอยู่จะใช่  "แก้ม" ไหม

                              "นี่ ใครน่ะ  จะให้เดาถูกได้ไง  ปล่อยสิ"

                              "พูดสักชื่อนึงสิ"

                              "เอ๊ะ  จะปล่อยดี ๆ ไหม"

                              "อุ้บ  ...โอ้ย  ศอกแหลมชะมัดยาด"

                  ผมเปิดตาเธอคนนั้น  แล้วเธอก็หันมา ผมถึงกับตะลึง  หน้าเธอดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยนะ ดูสวยขึ้น สูงขึ้นเล็กน้อย

                              "ผมดีใจจนบอกไม่ถูกเลยแก้ม  จำผมได้ไหม"

      แต่เธอกลับทำหน้างง  "นาย...นาย"  เธอยังคิดอยู่  "ฉันรู้จักนายตั้งแต่เมื่อไรกัน"

                              "นี่คุณจำไม่ได้หรือไง  แก้ม  ผม ไม้ไง  คนที่เคยให้  สร้อยเพชรรูปหัวใจกับkey   คนที่คุณเคยแซวว่าหน้าแดงเหมือนลูกสะเดา  คนที่คุณเคยบอกรัก  คุณเคยช่วยผมไม่ให้ถูกรถชน  และช่วยคนจมน้ำที่สระนี้ด้วยไง"

                              "คุณคงจำผิดแล้วล่ะ"

                  ผมไม่เชื่อคำพูดนี้เลย  เธอจำผมไม่ได้งั้นหรอ  แล้วเมลล์ที่ส่งมาล่ะ  หรือว่าผมจำผิดจริง ๆ แต่เธอก็ไม่มีฝาแฝดนี่  หรือเราโดนอำ

                              "ขอโทษครับ"

                  ผมตัดสินใจเดินจากไปเอง  ใบหน้าผมตอนนี้ดูผิดหวังมาก  สองสามวันมานี่สมองเธอถูกกระทบกระแทกอย่างหนักหรือไงกัน  ผมค่อย  ๆ ย่างก้าวไป 

      วันที่มีสุริยุปราคาฉันจะรอนายอยู่นะ

      รออยู่ที่ที่เราชอบไปมากที่สุด

      ดูสิว่านายจะผิดนัดเหมือนครั้งก่อนไหม

      มันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอเธอแล้วสินะ...................................................

      "หนิ  มานั่งเศร้าคนเดียวอย่างนี้  ทำไมล่ะ  หายกันแล้วนะ  ที่นายไม่ไปส่งฉันที่สนามบินกับเมื่อกี้น่ะ"

      ผมนั่งพิงต้นไม้อยู่และมองไปดูเสียงใส ๆ นั่นอย่างช้า ๆ เธอ....แก้ม ยิ้มให้ผมพร้อมยื่นมือมา

      "ไปดูสุริยุปราคากันเถอะ"

      เธอพยักหน้าให้ผมลุกขึ้น 

                  ผมจับมือเธอแล้วดึงเธอลงมา 

                  "ขอกอดให้หายคิดถึงก่อนก็แล้วกัน"

                  "นี่  นายนี่  บ้าจริง ๆ เลย"  ผมยิ้มตอบเธอ   แล้วผมก็พาแก้มไปดูสุริยุปราคา  เดินเล่น  ถีบจักรยาน  พาไปกินไอศครีม  และเล่นบาสต่อ  และเกือบทุก ๆ วันที่ผมว่าง ผมกับแก้มก็จะมาที่สวนสาธารณะนี่เสมอ

      Falling Images, MySpace Codes, MySpace Layouts, MySpace Glitter Graphics from Dolliecrave.com

      nikkijung _narak -nik ki-

       



      จากนั้นผมก็ตั้งใจเรียน ๆ    
      2  ปีครึ่งต่อมาก็จบ  หางานทำ  ผมมีความสุขดีในอาชีพที่ผมทำ  และทุก ๆ  ครั้งที่ผมเศร้าใจหรือมีเรื่องไม่สบายใจ  ผมก็จะไปนั่งเล่นริมสระที่สวนนั้น  ค่ำ ๆ  ก็ไปเล่นบาส  เดี๋ยวนี้เพื่อนฝูงผมก็เยอะขึ้น   ผู้คนมากหน้าหลายตาก็เข้ามาสั่งงานเขียนแบบมากขึ้น 
      3  วัน  ต่อมา
      ตอนบ่าย ๆ  ผมไปซื้อของที่ร้านสรรพสินค้า  วันนี้พ่อให้เงินมาหลายบาทเลย  กะว่าจะชวนเพื่อน ๆ  ที่เรียนจบ  ม.ปลายมาด้วยกัน เลี้ยงส่งให้ดึก ๆ  สักหน่อย  แต่ดันไม่มีใครว่างเล้ย  ผมก็เลยต้องมาเดินซื้อของคนเดียว
      ปีที่แล้ว...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×